คอหวยฮือฮา! ขอตีเลขเด็ด 'ป้อยสารกะลาตาเดียว' โบราณสมัย ร.5 อายุกว่า 120 ปี
คอหวยแตกตื่น! แต่ผิดหวังหลังรุดขอ “ป้อยสารกะลาตาเดียว” โบราณสมัย ร.5 อายุกว่า 120 ปี เพื่อประกอบพิธีหาเลขเด็ดแทงหวย หลังเจ้าของป้อยกะลาตาเดียว เมินเงินก้อนใหญ่ไม่ยอมขาย
วันนี้(31 ก.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านของนายชีพ สุทธิศักดิ์ อายุ 66 ปี เลขที่ 57/1 หมู่บ้านสันติ ชุมชนหน้าแขวง ฯ ถนนเทวบุรี ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มีกลุ่มเซียนหวยเดินทางมาขอซื้อกะลาตาเดียว ซึ่งเป็นภาชนะที่ปักษ์ใต้เรียกว่า “ป้อย” ใช้สำหรับตักหรือตวงข้าวสารจากในถังใส่หม้อหุงข้าวในสมัยโบราณ เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีภาชนะที่ทำด้วยพลาสติกหรือแก้ว โดยเฉพาะแก้วสมัย 100 ปี
ก่อนมีราคาแพงและมีใช้กันเฉพาะในบ้านคนร่ำคนรวย หรือ เจ้านายชั้นผู้ใหญ่เท่านั้น ผู้คนสมัยนั้นจึงใช้วัสดุในท้องถิ่นทำเป็นภาชนะต่าง ๆ เช่น ไม้ไผ่ กะลามะพร้าว มาตัดดัดแปลงเป็นภาชนะตักน้ำดื่ม เรียกว่า “จอกน้ำ” ใช้โอ่งหรือไหขนาดเล็กมาใส่ข้าวสารในครัว หรือที่เรียกว่า “เพล้งสาร” แต่หากนำโอ่งหรือไหขนาดเล็กมาใส่น้ำดื่มจะเรียก “เนียงน้ำ” และใช้กะลาหรือกระบอกไม้ไผ่มาทำเป็นที่ตักหรือตวงข้าวสารจากในเพล้งสารใส่หม้อหุงข้าวเป็นการกำหนดปริมาณข้าวสารที่จะนำมาใช้หุงแต่ละครั้ง เรียกว่า “ป้อยสาร”
สำหรับป้อยสาร หรือป้อยข้าวสาร หากสามารถหากะลามะพร้าวตาเดียว ซึ่งเป็นของหาอยาก และเป็นของที่เปรียบเสมือนเครื่องรางของขลัง เป็นสิริมงคลมาใช้ทำเป็นป้อยสารเชื่อว่าจะทำให้ครอบครัวนั้นมีแต่โชคดี ทำมาหากินคล่อง ประสบผลสำเร็จ ยิ่งป้อยสารมีอายุการใช้งานนานมากเท่าใดก็จะยิ่งเชื่อว่าเป็นของมีค่า ศักดิ์สิทธ์ล้ำค่า แต่เนื่องจากกะลาตาเดียวหายากคนโบราณ จึงนิยมใช้กะลาปกติมาทำป้อยสาร
หากผ่านการใช้งานตักตวงข้าวสารนาน 50 -100 ปี ป้อยสารกะลาธรรมดาเป็นกายป้อยกะลาที่เข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ทรงพลานุภาพเช่นเดียวกันกับป้อยสารกะลาตาเดียว โดยในปัจจุบันบรรดาคอหวย เซียนหวย จึงเสาะหาป้อยสารทั้งที่ทำด้วยกะลาธรรมดาหรือป้อยสารที่ทำด้วยกะลาตาเดียว หากมีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป จะมีการนำประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ ขอเลขเด็ดไปเสี่ยงโชคแทงหวย
นายสุชีพ สุทธิศักดิ์ เจ้าของป้อยสารกะลาตาเดียว ยอมรับว่าตัวเองมีป้อยสารที่มีอายุกว่า 120 ปีจำนวน 2 ใบ ๆ แรกเป็นป้อยข้าวสารที่ทำด้วยกะลามะพร้าวธรรมดาทั่ว ๆ ไป ส่วนอีกใบเป็นป้อยข้าวสารทำจากะลาตาเดียว โดยนายสุชีพ นำเอาออกมาโชว์ให้ดู พร้อมกล่าวเตือนให้ผู้ที่จะถือชมให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะเกรงว่าป้อยสารกะลาทั้ง 2 ใบ จะแตกได้รับความเสียหาย และไม่อนุญาตให้นำไปใช้ประกอบพิธีทางไสยศาสตร์หาเลขเด็ดแทงหวย
โดยอ้างว่าหลังจากการนำป้อยสารไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ขอหวยแล้ว ป้อยสารลูกนั้นจะเสื่อมความขลังกลายเป็นวัสดุหรือป้อยสารธรรมดา แม้บรรดาคอหวย จะขอซื้อราคานับหมื่นบาท แต่นายสุชีพ ยืนยันว่าถึงจะให้ราคาสูงสักเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขาย เพราะถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่ตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษจะไม่มีวันนำมาขายกินเด็ดขาด และจะมอบตกทอดถึงรุ่นลูก หลาน เหลน
นายชีพ กล่าวอีกว่า สำหรับความเชื่อเรื่อง “กะลาตาเดียว” นั้น คนสมัยโบราณเชื่อว่ากะละมะพร้าวตาเดียว เป็นกะลาที่มีเทพรักษา มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ที่ผิดแผกจากธรรมชาติของกะลาทั่วไป ตรงที่จะมีปากที่เป็นรูงอกหน่อ 1 รู และจะมีตาส่วนที่บุ๋มลงไปเพียง 1 ตา เท่านั้น และมีเส้นสาแหรกแบ่งกะลาออกเป็นสองส่วน กะลาตาเดียวถือเป็นวัตถุมงคล ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แม้ยังไม่ได้นำมาเข้าพิธีกรรมปลุกเสกก็มีความเข้มขลังอยู่ แต่ก็ยังไม่ดีมากนัก ถ้าหากนำมาแกะเป็นรูปพระพุทธรูป รูปเทพต่าง ๆ เช่น จตุคาม – รามเทพ พระเกจิ พระราหู แล้วนำเข้าพิธีปลุกเสก ผ่านพิธีกรรมที่ถูกต้องก็จะเป็นของขลังที่ทรงพลานุภาพ ให้กับผู้บูชา
การที่จะหากะลาตาเดียวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะว่ากะลามะพร้าวทั่วไป เป็นร้อยเป็นพันลูก จึงจะเจอเป็นกะลาตาเดียวสักลูกสองลูก ถ้าผู้ใดเจอก็นับว่าโชคดีของผู้นั้น ส่วนผู้รู้ตั้งแต่โบราณจะใช้กะลาตาเดียวตัดครึ่งใบ นำส่วนที่มีตาเดียวไว้ใช้ตักหรือตวงข้าวสารใส่หม้อไปหุงกิน หรือที่เรียกว่า “ป้อยสาร” เพราะเชื่อว่าครอบครัวจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ในการทำมาหากินให้กับครอบครัว ไม่มีคำว่าอดอยาก ครอบครัวจะสมบูรณ์ทุกอย่าง ในการทำมาหากิน การประกอบอาชีพทุกๆ อาชีพ
No comments:
Post a Comment